วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2553

Adjectif


กลับมาอีกแล้ว!! ได้ทั้งหลักการใช้Articlesและสำนวนเด็ดๆไปแล้ว
คราวนี้มาเรียนเพิ่มเติมเรียน Adjectif หรือที่เราเรียกๆกันว่าคำคุณศัพท์ดีกว่านะครับ

คำคุณศัพท์ ก็คือคำที่มีหน้าที่ในการขยายคำนามให้มีความชัดเจนมากขึ้น เช่น
หนังสือเล่มนี้หนาคำว่า หนา
ก็คือคำคุณศัพท์ที่ขยายคำนามคำว่า หนังสือ นั่นเองครับ

และAdjectif ก็มีลักษณะพิเศษเฉพาะ
นั่งคือการAccordตามเพศและพจน์ที่adj.นั้นสิงสถิตย์อยู่ด้วย
มีหลักการง่ายๆดังนี้ครับ

ข้อแรกนั่นคือ เติม e หลัง adj.เพศชาย ตัวนั้นได้เลย

joli(โฌ-ลี) เพศชาย
jolie สวย น่ารัก (โฌ-ลี) เพศหญิง

ระวัง Adjectif บางตัว เมื่อเติม e จะออกเสียงเปลี่ยนไป

chaud(โช) เพศชาย
chaude ร้อน (โชด) เพศหญิง

ถ้าลงท้ายด้วย -el ให้เติม L อีกหนึ่งตัวก่อนเติม e เช่น

nature(นา-ตู-แรล) เพศชาย
naturelle ธรรมชาติ (นา-ตู-แรล) เพศหญิง

ถ้าลงท้ายด้วย -en, -on ให้เติม N อีกหนึ่งตัวก่อนเติม e เช่น

ancien(ออง-เซียง) เพศชาย
ancienne เก่า (ออง-เซียน) เพศหญิง

bon(บง) เพศชาย
bonne ดี (บอน) เพศหญิง

ยกเว้น prochaine, fine, brune ไม่ต้องเพิ่ม n

----------------------------------------------------------------------------

2. Adjectif ที่ลงท้ายด้วย -er และ -ier ให้เปลี่ยนเป็น -ère และ -ière เช่น

léger(เล-เฌ) เพศชาย
légère เบา (เล-แฌร์) เพศหญิง

premier(เพรอะ-มิ-เย) เพศชาย
première อันดับหนึ่ง (เพรอะ-มิ-แยร์) เพศหญิง
-----------------------------------------------------------------------------


3. Adjectif ที่ลงท้ายด้วย -f ให้เปลี่ยนเป็น -ve เช่น

neuf (เนิฟ) เพศชาย
neuve ใหม่(เนิฝ) เพศหญิง
------------------------------------------------------------------------------

4. Adjectif ที่ลงท้ายด้วย -et ให้เปลี่ยนเป็น -ète เช่น

complet(กง-เปล่) เพศชาย
complète สมบูรณ์(กง-แปล็ต) เพศหญิง
----------------------------------------------------------

5. Adjectif ที่ลงท้ายด้วย -eux ให้เปลี่ยนเป็น -euse เช่น

heureux(เออ-เรอ) เพศชาย
heureuse มีความสุข (เออ-เรอส) เพศหญิง
--------------------------------------------------------------------


6. Adjectif ที่ลงท้ายด้วย -e อยู่แล้วไม่เปลี่ยนรูป เช่น
calmeสงบเงียบ (กาม)
tranquille สงบเงียบ (ทรอง-กี-ล)

Adjectif เหล่านี้เปลี่ยนรูปและการออกเสียงเมื่อเป็นเพศหญิง

เพศชาย
เพศหญิง
เพศชาย
เพศหญิง

gros (โกร)
grosse อ้วน (โกรส)
doux (ดู)
douce อ่อนนุ่ม (ดูซ)

nouveau (นู-โว)
nouvelle ใหม่ (นู-แวล)
vieux (วิ-เยอ)
vieille แก่ (วิ-ไย)

beau (โบ)
belle สวย (แบล)
long (โลง)
longue ยาว (โลง-เกอะ)

frais (เฟร)
fraîche สดชื่น(แฟรช)
blanc (บลอง)
blanche ขาว (บลอง-ช)

sec (เซ็ก)
sèche แห้ง (แซช)
mou (มู)
molle นุ่มนิ่ม (มอล)

épais (เอ-เป)
épaisse หนา (เอ-แปส)
faux (โฟ)
fausse ปลอม (โฟส)

ฝึกการเปลี่ยน Adjectif เพศชายให้เป็นเพศหญิงให้แม่น
แล้วเวลาทำ Adverbe ชีวิตจะสดใสขึ้น 100 เท่า

L'expressio du jour V

ต่ออีกหน่อยนะครับ


1 « Toucher du bois» : Conjurer du mauvais sort. [ขจัดปัดเป่าเวทย์มนต์หรือคำสาป]

2 « Treize à la douzaine. » : Un grand nombre, beaucoup [มาก]

3 « Tirer ses grègues. » : S' enfuir rapidement [หนีไปอย่างรวดเร็ว]

4 « Tirer un (son) coup. » : Avoir un orgasme. (pour un homme) [ถึงจุดสุดยอด (สำหรับผู้ชาย)]

5 « Tirer sur le volet. » : Choisir, sélectionner avec soin. [เลือกอย่างพิถีพิถัน]



1 « Un temps de chien » : Un très mauvais temps [อากาศไม่ดีเลย]

2 « Un pavé dans la mare » : Quelque chose qui trouble une situation sans histoire, qui fait scandale, qui dérange une situation ou des habitudes bien tranquilles. [บางสิ่งที่ทำให้สิ่งที่เคยสงบสุข เกิดความวุ่นวาย, สิ่งที่รบกวนความสงบสุข]

3 « Une république bananière » : Une 'république', un état, un gouvernement corrompu. [ประเทศ หรือรัฐบาลที่คอรัปชั่น]

4 « Un baroud d'honneur » : Un combat desespéré, perdu d'avance, livré pour sauver l'honneur. [การต่อสู้ที่สิ้นหวัง, ที่แพ้ก่อนที่จะสู้ด้วยซ้ำ, ที่เพื่อกู้ศักดิ์ศรี]

5 « Un foudre de guerre » : Une personne forte, capable, compétente. [คนที่แข็งแกร่ง, เก่ง, มีความสามารถ, มีทักษะ] / Un objet puissant, performant. [สิ่งที่มีพลัง, มีประสิทธิภาพ]










1 « Vieux comme Hérode » : Très ancien, très vieux [เก่าแก่มาก]

2 « En voiture, Simone ! » : Allons - y. Il est temps de commencer une action [เริ่มได้แล้ว / ถึงเวลาต้องลงมือแล้ว]

3 « Vider son sac » : Dire tout ce qu'on pense, tout ce qu'on a sur le coeur (quitte à blesser) [พูดสิ่งที่คิด หรืออยู่ในใจทั้งหมด (เสี่ยงกับการที่จะทำให้ผู้อื่นเจ็บช้ำน้ำใจ)]

4 « Vogue la galère ! » :
Arrive ce qui pourra ! [อะไรจะเกิดก็เกิด]

5 « Vendre la mèche ! » : Trahir un secret (d'un complot). [ทรยศต่อความลับ (จากการสมรู้ร่วมคิด]


1 « Y'a pas de lézard ! » : Y'a pas de problème ! Tout va bien ! [ไม่มีปัญหา, ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี]



นี่ก็เป็นตัวอย่างของสำนวนฝรั่งเศสที่หวังว่าทุกคนคงจะนำไปใช้ประโยชน์ได้นะครับ ทิ้งท้ายไว้เท่านี้ แต่บล็อกหน้านั้นจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไร ติดตามนะครับ!

L'expression du jour lV

ต่ออีกๆ
1 « OK » : D'accord. [ตกลง, เห็นด้วย, ไม่มีปัญหา]

2 « Oeil pour oeil, dent pour dent / Loi du talion » : Formule exprimant un esprit de vengeance ou un besoin de punition : le coupable doit subir le même dommage que celui qu'il a fait subir à sa victime [คำพูดที่แสดงถึงความรู้สึกต้องการแก้แค้น หรือ ลงโทษ : ผู้กระทำผิดต้องได้รับความทุกข์ ความสูญเสียเช่นเดียวกับ ผู้ที่เขากระทำต่อ]

1 « Porter (planter) des cornes. » : Être (faire) cocu. [โดนสวมเขา = โดนหลอก]

2 « Pierre qui roule n'amasse pas mousse. » :
Une vie aventureuse ne permet pas d'amasser des biens (ou des richesses.) [คนที่ทำอะไรแล้วไม่นิ่งหรือไม่มุ่งมั่นมักจับอะไรไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอัน]

3 « Payer rubis sur l'ongle. » : Payer comptant (et totalement) [จ่ายเงินสด (และจ่ายไม่มีติดค้าง)]

4 « Pousser comme un champignon. » :
Se développer, croître rapidement. [พัฒนา หรือ เพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว (ตรงกับสำนวนไทย = ขึ้นเป็นดอกเห็ด)]

5 « Passer (sauter) du coq à l'âne. » : Dans une discussion ou un écrit, passer brutalement d'un sujet à un autre, sans transition ni liaison. [(กระโดดจากไก่ไปสู่ลา) = ในการสนทนา หรือ การเขียน หมายถึงการเปลี่ยน จากเรื่องหนึ่งไปสู่อีกเรื่องหนึ่ง โดยไม่มีสิ่งบอกว่าจะเปลี่ยน หรือ โดยการขาดการเชื่อมโยงกัน]Par extension : tenir des propos incohérents. [พูดอะไรที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน]



1 « Qui dort dîne » :
Le sommeil fait oublier la faim. Le sommeil tient lieu de nourriture [การนอนทำให้เราอิ่ม]


2 « Que dalle » : Rien du tout. [ไม่มีอะไรเลย]




1 « Rire comme une baleine. » : Rire très fort, sans retenue, à gorge déployée. [หัวเราะเสียงดังแบบไม่ยั้งเสียงเลย]

2 « Se rincer l'oeil . » : Assister (parfois en douce) à une scène érotique. [เห็น (บางครั้งเป็นการแอบดู) ฉากรัก]

3 « Se rincer la dalle / Avoir la dalle en pente . » : Boire / Boire souvent (de l'alcool). [ดื่ม, ดื่มเหล้า]

4 « Rester (être) le bec dans l'eau . » : Etre déçu après avoir espéré quelque chose. / Ne pas obtenir ce qu'on attendait. [ผิดหวัง / ไม่ได้รับในสิ่งที่คาดหวังหรือรอคอย]

5 « Rigoler (rire, se marrer) comme un bossu. » : S'amuser beaucoup, rire franchement. [สนุกมากๆ, หัวเราะอย่างเปิดเผย, หัวเราะจริงๆ]



1 « Sabler / Sabrer le champagne. » : Boire / Ouvrir une bouteille de champagne pour fêter un joyeux événement. [ดื่ม / เปิดแชมเปญ เพื่อฉลองเหตุการณ์ที่น่ารื่นเริง หรือน่ายินดี]

2 « Se saigner aux quatre veines. » : 1. Se priver (généralement pour quelqu'un). [เสียสละ (โดยทั่วไปเพื่อใครบางคน)] 2. Se donner beaucoup de mal. [ยอมลำบาก, ยอมเหนื่อยยาก]

3 « S'en battre l'oeil / S'en tamponner le coquillard . » : S'en moquer complètement (de quelqu'un ou quelque chose). [หัวเราะเยาะ, ไม่สนใจ(ใคร หรือ อะไร) โดยสิ้นเชิง]

4 « Sur les chapeaux de roues . » : A grande vitesse, avec précipitation. [เร็วมาก, ด้วยความเร่งรีบ]

5 « Secret de polichinelle. » : Faux secret, que tout le monde connaît. [ความลับที่ไม่ลับ, ความลับที่ทุกคนต่างก็รู้]

L'expression du jour lll

สำนวนต่อ....

1 « Il fait un temps de curé. » : Pour les marins, elle signifie que la mer est très calme. / Il fait un temps superbe. [(สำหรับคนเดินเรือ) ทะเลสงบมาก / อากาศดีมาก]

2 « Il ne faut pas prendre les gens pour des canards sauvages ! » : Il ne faut pas prendre les gens pour des imbéciles. / Il ne faut pas se moquer des gens. [อย่าดูถูกว่าคนอื่นเป็นคนโง่ / อย่าหัวเราะเยาะคนอื่น]

3 « Il est ballot. » : Il est niais, idiot, imbécile, borné, ou maladroit. [โง่, งี่เง่า, ปัญญาอ่อน หรือ ซุ่ซ่าม]

4 « Il y a (depuis) belle lurette. » : Il y a (depuis) bien longtemps. [นานมาแล้ว, เป็นเวลานานแล้ว]

5 « Il n'y a pas de rose sans épines. » : Toute joie comporte une peine. / Aucun plaisir n'est absolu. / Toutes belle chose cache un défaut. « ไม่มีกุหลาบใดที่ไร้หนาม » [ความสุข ความสนุกสนานทุกอย่าง มีความทุกข์อยู่ด้วยเสมอ, ไม่มีสุขใดล้วนๆ, ทุกสิ่งที่สวยงามมีข้อเสียหรือด้านไม่ดีแฝงอยู่ด้วยเสมอ]





1 « Jouer à touche-pipi. » : Se toucher les parties génitales. / Faire l'amour. [ร่วมรัก]





1 « La petite mort. » : L'orgasme [การถึงจุดสุดยอด]

2 « Les carottes sont cuites. » : Tout est pedu. Il n'y a plus aucun espoir. [สูญสิ้นหมดแล้ว, ไม่เหลือความหวังใดๆแล้ว]

3 « Larmes de crocodile. » : Larmes feintes destinées à émouvoir et tromper l'entourage. [(น้ำตาจระเข้) น้ำตาที่หลั่งจากการเสรแสร้ง เพื่อให้คนอื่นสะเทือนใจ และเป็นการหลอกลวงให้คนอื่นเข้าใจผิด]


4 « La croix et la bannière. » : De grande complications ou difficultés. [ยุ่งยากมาก, ปัญหาใหญ่มาก]

5 « La fin des haricots. » : La fin de tout. / La perte complète d'espoir. [การอวสานของทุกสิ่งทุกอย่าง / การสูญสิ้นความหวังโดยสิ้นเชิง]






1 « Se mettre martel en tête. » : Se faire du souci, se laisser obséder par une inquiétude [ปล่อยให้ตนเองถูกครอบงำด้วยความกังวล]

2 « La montagne accouche d'une souris. » : Par rapport aux attentes ou à l' ambition d'un projet, le résultat est extrêmement décevant. [เมื่อเปรียบเทียบกับความคาดหวัง หรือ ความมุ่งมั่นของโครงการ ผลออกมาเป็นที่น่าผิดหวังอย่างยิ่ง]

3 « Mettre (avoir) du foin dans ses bottes. » : Accumuler (avoir) beaucoup d'argent. [เก็บ (มี) เงินได้มาก]

4 « Mordre la poussière. » : Être jeté à terre au cours d'un combat. [ถูกส่งลงไปกองอยู่ที่พื้นตอนต่อสู้กัน (ภาษาไทย = กินฝุ่น)]Par extension [ความหมายที่ขยายออกไป] : Être vaincu. [แพ้, พ่ายแพ้]

5 « Mettre sa main au feu. » : Être sûr de/affirmer fermement quelque chose. [มั่นใจ / ยืนยันอย่างหนักแน่น]


1 « Ne pas se moucher du pied (du coude) » : Se croire quelqu'un d'important. / Avoir de grandes prétentions. [คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญ / ทะนงตนสูง]

2 « Ne faire semblant de rien » : Faire comme si de rien n'était, ne manifester volontairement aucune réaction. [ทำราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น, ไม่มีปฎิกริยาใดๆ]

3 « Ne pas être tombé (né) de la dernière pluie . » : Avoir de l'expérience. / être quelqu'un d'averti. [เป็นผู้มีประสบการณ์]

L'expression du jour II

ต่อกันเลยนะครับ!

1 « Épée de Damoclè » : Péril imminent et constant. Danger qui plane sur quelqu'un. [อันตรายที่เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ]

2 « Être sous la coupe de quelqu'un. » : Être sous la dépendance ou l'influence de quelqu'un. [ขึ้นอยู่กับใคร หรือ อยู่ภายใต้อิทธิพลของใคร]

3 « En écraser. » : Dormir profondément. [หลับสนิท]

4 « Être dans de beaux draps. » : Être dans une très mauvaise situation. / Être dans une position désagréable ou dangereuse. [ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ดี หรือ อันตราย]

5 « Être un chaud lapin. » : Pour un homme, être très porté sur les plaisirs sexuels. [(สำหรับผู้ชาย) สนใจหรือหมกมุ่น มากในเรื่องความสุขทางเพศ]




1 « Faire l'âne pour avoir du son. » : Faire l'imbécile ou le naïf pour obtenir quelque chose ou un avantage. [แสร้งทำเป็นโง่หรือซื่อเพื่อจะได้รับประโยชน์หรือบางสิ่งบางอย่าง]

2 « Famille tuyau de poêle. » : Famille qui pratique des relations sexuelles entre ses membres. [ครอบครัวที่สมาชิกมีเพศสัมพันธ์กันเอง]

3 « Finir en queue de poisson. » : Finir brutalement, de manière décevante, sans donner les résultats attendus. [จบแบบห้วนๆ แบบผิดความคาดหวัง]

4 « Faire le gros dos. » : 1. Se ramasser sur soi-même pour se protéger. [ถอยกลับมาตั้งหลัก]Prendre une attitude résignée pour laisser passer un moment désagréable. [ปลง หรือ ยอมรับว่ามันเป็นเช่นนั้น เพื่อให้ช่วงเวลาที่ลำบากใจผ่านพ้นไป]

5 « Faire devenir chèvre. » : Faire enrager. [ทำให้โกรธมาก, ทำให้บ้าคลั่ง]



1 Grosso modo » : Approximativement, en gros, sans entrer dans le détail. [คร่าวๆ, โดยรวมๆ, โดยไม่ลงไปในรายละเอียด]






1 « Haut le pied. » : Avec facilité, sans effort, en courant (en parlant d'un déplacement d'une personne ou d'une chose. [ด้วยความง่ายดาย, โดยไม่ต้องเหนื่อยยาก ]

2 « Homme (individu, gens) de sac et de corde » : Personne peu recommandable, condamnable (au sens propre du terme), malfaiteur, truand.[(ความหมายตามคำศัพท์) คนที่ไม่น่าคบค้าสมาคมด้วย, ที่สมควรถูกลงโทษ = ผู้ร้าย, ขโมย หรือ โจร]

มีต่อบทความหน้าครับ

L'Expression du jour

เสน่ห์ของภาษาอีกอย่างหนึ่งก็คือการเปรียบเทียบนพอีกสิ่งมาเป็นอีกสิ่ง
สำนวนก็เช่นครับ คนที่รักในการเรียนภาษาและต้องการเรียนภาษาให้ได้ดี
ก็ต้องรู้จักการตีความ มาลองดูกันเลยนะครับ



1 « Avoir un nom à coucher dehors. » : Avoir un nom très difficile à prononcer et / ou à retenir. [มีชื่อที่ออกเสียงยาก หรือ จำได้ยาก]

2 « Avoir du chien. » : Pour une femme, avoir un charme un peu canaille, du sex-appeal. [สำหรับผู้หญิง : มีเสน่ห์แบบยั่วๆนิดหน่อย]

3 « Aller à vau - l'eau. » : Aller à sa perte, péricliter. [ไปสู่ความสูญเสีย, ตกอยู่ในอันตราย]

4 « L' avoir dans le baba. » : Se faire avoir, Rater quelque chose, Subir un échec. [โดนหลอก, ล้มเหลว]

5 « Avoir du pain sur la planche. » : Avoir beaucoup de travail, de tâches à accomplir. [มีงานมากที่ต้องทำให้เสร็จ]



1 « La boîte de Pandore » : La source des ennuis. L'origine de malheurs, de catastrophes. [ที่มาของปัญหา ความวุ่นวาย ความวิบัติ...]

2 « Battre la campagne. » : Déraisonner, divaguer, délirer. [เพ้อเจ้อ, พูดเพ้อเจ้อ, เที่ยวเดินเพ่นพ่าน]

3 « Bon vent ! » : 1. Bon voyage, bonne route, au revoir ! [ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ, ลาก่อน]2. Va-t'en, casse-toi ! [ไปได้แล้ว !]

4 « Bon an, mal an » : En moyenne (avec une notion de durée). Selon les années (ou d'autres périodes de temps, maintenant) [ปานกลาง (ด้วยความหวังว่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไป = ดีบ้างไม่ดีบ้าง) / แล้วแต่ปี (หรือช่วงเวลาอื่นๆ = แล้วแต่ช่วงเวลา)]

5
« Bourré comme un coing » :
Complètement soûl. [เมาสุดๆ, เมามาก]




1 « Chercher midi à quatorze heures. » : Compliquer inutilement une chose très simple. [ทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยากโดยไร้ประโยชน์]

2 « C'est de la daube ! » : C'est un objet ou un spectacle de mauvaise qualité, bon à jeter. [สิ่งของ หรือ การแสดงที่ไม่ดี ของที่ควรทิ้งไป]

3 « C'est bath. » : C'est beau. (ou bon, joli, bien, remarquable, agréable) ! [เยี่ยม, วิเศษ, แจ่ม, แจ๋ว]

4 « Coller aux basques. » : Suivre quelqu'un de très près, ne pas le lâcher d'une semelle. [ตามติด(ใคร) แบบไม่ละฝีก้าว]

5 « Crier (gueuler) comme un putois. » : Protester de manière criarde. [ตะโกนคัดค้าน หรือส่งเสียงดังแสบหู หรือ เสียงแปร๋น]







1 « Dès potron-minet. » : Dès l'aube, le petit matin, les premières lueurs du jour. [ตั้งแต่เช้าตรู่]

2 « Demain, on rase gratis ! » : Faire des promesses que l'on ne tient pas. [ให้คำมั่นสัญญาแบบที่ไม่คิดจะยึดมั่น]

3 « Dépouiller / tuer le vieil homme (en nous). » : Se débarasser de ses mauvaises habitudes. / Changer radicalement de vie. [สลัดทิ้งนิสัยเสียเดิมทิ้ง, เปลี่ยนรูปแบบชีวิตใหม่แบบหน้ามือเป็นหลังมือ]

4 « Danser devant le buffet. » : N'avoir rien à manger. [ไม่มีอะไรจะกิน]

5 « Donner de la confiture à un cochon. » : Donner quelque chose à quelqu'un qui ne le mérite pas, qui ne sait pas l'apprécier ou qui n'en a aucune reconnaissance. [ให้บางสิ่งบางอย่างกับใครบางคนที่ไม่คู่ควร, ที่ไม่รู้จักคุณค่า, ที่ไม่รู้สำนึกบุญคุณ (= สุภาษิตไทย : ให้แก้วแหวนกับลิง ?)] / Gâcher quelque chose. [ทำให้เสียของ]

คราวหน้ามาต่อกันที่ E-H นะครับ

คำนำหน้านาม (Les Articles)

คำนำหน้าคำนามในภาษาฝรั่งเศสมีหลายชนิด
ขึ้นอยู่กับบริบทและเพศของคำนาม
ซึ่งถูกแบ่งเป็นชนิดใหญ่ๆดังนี้
1. Article indéfini


หมายถึง คำนำหน้านามที่ไม่ชี้เฉพาะ และไม่ได้เจาะจงชัดเจน กล่าวถึงคำนามนั้นโดยทั่วๆไป
หรือกล่าวถึง เป็นครั้งแรก articles ประเภทนี้ได้แก่
1.1 un นำหน้าคำนามเพศชายเอกพจน์ เช่น un stylo
un train
un livre
-----------------------------------------------------------------------------------
1.2 une นำหน้าคำนามเพศหญิงเอกพจน์ เช่น une gomme
une fille
une chaise
-----------------------------------------------------------------------------------------
1.3 des นำหน้าคำนามเพศชายหรือเพศหญิงที่เป็นพหูพจน์ เช่น des animaux / des filles
ในประโยคปฏิเสธ article นี้จะเปลี่ยนรูปเป็น" de " ยกเว้น ถ้าใช้กับ " V.être "
จะยังคงใช้ un / une / des เหมือนเดิม เช่น
J'ai un crayon.
Je n'ai pas de stylo.
C'est une chaise.
Ce n'est pas un banc.
Ce ne sont pas des cadeaux.
Il a des cheveux blancs.
Il n'a pas de cheveux noirs.
----------------------------------------------------------

2. Article défini


หมายถึง คำนำหน้านามที่ชี้เฉพาะ และเจาะจงชัดเจน กล่าวถึงคำนามนั้นเป็นครั้งที่ 2 เป็นต้นไป
articles ประเภทนี้ได้แก่

2.1 le นำหน้าคำนามเพศชายเอกพจน์ เช่น
le stylo
le livre
le pays
l'hôpital
---------------------------------------------------------------------
2.2 la นำหน้าคำนามเพศหญิงเอกพจน์ เช่น
la gomme
la fille
la ville
------------------------------------------------------------------------------
2.3 les นำหน้าคำนามเพศชายหรือเพศหญิงที่เป็นพหูพจน์ เช่น
les animaux
les filles
les pays
ในประโยคปฏิเสธ article นี้จะไม่มีการเปลี่ยนรูป เช่น
Ce n'est pas le stylo de Karim.
Ce n'est pas la gomme d'Olivier.

----------------------------------------------------------------------------------------------------

3. Article contracté après les prépositions "à" et " de "


หมายถึง คำนำหน้านาม ที่ใช้ ตามหลังคำบุพบท "à" และ "de" มีหลักการใช้ คือ

3.1 à + article défini
3.1.1 à + le = au :
Elles vont au restaurant.
Nous allons au cinéma.
------------------------------------------------------------
3.1.2 à + la = à la :
Je vais à la mer.
Tu ne vas pas à la campagne.
-------------------------------------------------
3.1.3 à + l' = à l' :
Nous allons à l'école.
Je vais demander à l'employé .
3.1.4 à + les = aux : Elle va demander aux élèves.
----------------------------------------------------------------------------
3.2 de + article défini
3.2.1 de + le = du :
Elles partent du restaurant.
Nous sortons du cinéma.
--------------------------------------------------------
3.2.2 de + la = de la :
Je viens de la mer.
Tu ne pars pas de la campagne.
--------------------------------------------------------------
3.2.3 de + l' = de l' :
Nous sortons de l'école.
C'est le bureau de l'employé.
-------------------------------------------------------
3.2.4 de + les = des :
Ce sont les chaises des élèves.



4. Article partitif


หมายถึง คำนำหน้าคำนามที่กล่าวถึงเป็นบางส่วน หรือคำนามที่นับไม่ได้
( โดยคำนามที่นับไม่ได้จะอยู่ในรูปเอกพจน์เสมอ)
article ประเภทนี้ได้แก่

4.1 du นำหน้าคำนามเพศชาย เช่น
du lait
du fromage
du sucre
du shampooing
----------------------------------------------------------

4.2 de la นำหน้าคำนามเพศหญิง เช่น
de la farine
de la crème
------------------------------------------------------------

4.3 de l' นำหน้าคำนามเพศหญิงที่ขึ้นต้นด้วยสระ เช่น
de l'eau
-----------------------------------------------------------------------------
4.4 des นำหน้าคำนามเพศชายหรือหญิงพหูพจน์ เช่น
des raisins
**** ข้อสังเกต ****
J'aime le poisson. ( ฉันชอบปลา หมายถึงปลาทั้งหมด )
Je prends du poisson. ( ฉันกินปลา หมายถึงเนื้อปลาเพียงบางส่วน )
Tu veux du café ou du thé ? ( คุณต้องการกาแฟหรือน้ำชา? )
Je ne bois pas de café. ( Je n'aime pas le café. )
*** ประโยคปฏิเสธเปลี่ยน article เป็น "de" ***
*** ยกเว้น *** V.être ไม่เปลี่ยนรูป article เช่น
C'est du porc, ce n'est pas de la viande
C'est de la bière. Ce n'est pas du
cham
pagne.

ตัวเลขฝรั่งเศส (numéro de français)

ตัวเลขในภาษาฝรั่งเศสมีความสลับซับซ้อน
และต้องใช้เทคนิคในการจำ
ก็เลยนำตัวเลขหลักๆที่เราจะเห็นกันบ่อยๆมาให้ดูกันนะครับ
เริ่มจาก..

0
zéro เซ-โร
10
dix ดิส
20
vingt แว็ง(เตอะ)


1
un เอิง
11
onze อง-เซอะ
21
vingt et un แว็ง-เต-เอิง

2
deux เดอ

12
douze ดูซ-เซอะ
22
vingt-deux แว็ง-เดอ

3
trois ทรัว
13
treize แทรซ-เซอะ
23
vingt-trois แว็ง-ทรัว

4
quatre กัท(เทรอะ)
14
quatorze กะ-ตอซ-เซอะ
24
vingt-quatre แว็ง-กัท(เทรอะ)

5
cinq แซ็งก
15
quinze แก็ง(เซอะ)
25
vingt-cinq แว็ง-แซ็งก

6
six ซีส
16
seize แซส-เซอะ

26
vingt-six แว็ง-ซีส

7
sept เซ็ต
17
dix-sept ดิส-เซ็ต
27
vingt-sept แว็ง-เซ็ต

8
huit วิต

18
dix-huit ดิส-วิต
28
vingt-huit แว็ง-วิต

9
neuf เนิฟ
19
dix-neuf ดิส-เนิฟ
29
vingt-neuf แว็ง-เนิส


30
trente ทรอง-ต
90
quatre-vingt-dix กัท(เทรอะ)-แว็ง-ดิส
(มาจาก 40x2+10)
1 000
mille มีล


40
quarante กา-ร็อง-ต
91
quatre-vingt-onze กัท(เทรอะ)-แว็ง-อ๊งซ์
(มาจาก 40x2+11)
2 000
deux mille
ไม่เติม S


50
cinquante แซ็ง-ก็อง-ต
99
quatre-vingt-dix-neuf กัท(เทรอะ)-แว็ง-ดิส-เนิฟ
(มาจาก 40x2+19)

60
soixante ซัว-ซ็อง-ต
100
centซ็อง
100 000
cent mille ซอง-มีล

1 000 000
million มิ-ลิ-ยง

20 000 000
vingt millions แว็ง-มิ-ลิ-ยง

70
soixante-dix ซัวซอง-ดิส
(มาจาก 60+10)
200
deux cents เดอ ซ็อง

71
soixante et onze ซัวซอง เต อ๊งซ์
(มาจาก 60+11)
201
deux cent un เดอ ซ็อง เติง
เมื่อมีเศษตามหลัง s หายไป

72
soixante-douze ซัวซอง-ดูซ
(มาจาก 60+12)


80
quatre-vingts กัท(เทรอะ)-แว็ง
(มาจาก 4x20)
310
trois cent dix (ทรัว-ซ็อง-ดีส)

81
quatre-vingt-un กัท(เทรอะ)-แว็ง-เอิง

500
cinq cents แซ็ง-ซอง

82
quatre-vingt-deux กัท(เทรอะ)-แวง-เดอ
900
neuf cents เนิฟ-ซ็อง





ถ้าต้องการให้เป็นลำดับก็ใส่ -ième (เอียม) ข้างหลังก็เรียบร้อย เช่น

deuxièmeอันดับสอง (เดอ-เซียม)

seizièmeอันดับสิบหก (แซส-เซียม)

centièmeอันดับร้อย (ซ็อง-เตียม)

ยกเว้น อันดับ 1 ใช้ premier(เพรอะ-มิ-เย่) หรือ première (เพรอะ-มิ-แยร์)

วันจันทร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2553

บทสนทนาพื้นฐานแบบฝรั่งเศส

ภาษาฝรั่งเศส ถือได้ว่าเป็นภาษาหนึ่งที่เพราะที่สุดของโลก
มีคนทั่วโลกสนใจที่จะเรียน
วันนี้เลยนำประโยคพื้นฐานที่ไปปารีสเมื่อไหร่ต้องได้ยินแน่ๆ

^^"

คำแรก Bonjour [บงชูร์]
ใครๆก็รู้ ใครๆก็เคยได้ยิน แปลว่า สวัสดีตอนเช้า
ถึงแม้ว่าค่ำแล้ว แต่ว่าพระอาทิตย์ยังไม่ตกก็ต้อง Bonjour นะครับ


Bonsoir อ่านว่า [บงซัวร์]
แปลว่า สวัสดีตอนเย็น


ต่อมา Comment vas-tu? [คอมม็อง วา ตู?]
แปลว่า สบายดีมั๊ย? สำหรับคนกันเอง
ส่วน Comment allez-vous? [คอมม็อง ตาลเล่ วู์]
แปลว่า สบายดีมั๊ย? เช่นกัน แต่ใช้สำหรับถามคนที่เราให้ความเคารพ




เวลาเราทำอะไรผิดไปก็ต้องขอโทษด้วยสำนวนที่ว่า
Je suis désolé [เฌอ ซุย เดโซเล]
ถ้าเติมตัว e มาอีกตัวก็ใช้สำหรับผู้หญิง
แต่เวลาออกเสียง ออกเสียงเหมือนกันนะครับ

พบเจอ ก็ต้องมีจากลา
ต้องพูดว่า Au revoir [โอ เคอวัวร์]


เจอกันตอนเช้า
ก็ต้องส่งกันเข้านอนด้วยประโยคที่ว่า
Bonne Nuit [บอน นุย]


อยากจะอวยพรใครว่าให้โชคดีก็ต้อง
Bonne Chance [บอน ช้องช์]



อยากจะบอกว่าให้เดินทางโดยสวัสดิภาพก็ต้อง
Bon Voyage [บง วัวยาจ]
คำนี้ถือว่าเป็นคำสากล ภาษาอังกฤษก็เอาไปใช้นะครับ


หวังว่าคงได้ความรู้พร้อมกับความเพลิดเพลินในการชมภาพน้องบลายธ์น่ารักๆนะครับ

สระในภาษาฝรั่งเศส


ครั้งที่แล้วเราได้รู้เรื่องพยัญชนะและการออกเสียงแล้วนะครับ
ครั้งนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่องสระ มาปะติดปะต่อให้ได้ความรู้กันยิ่งขึ้น

ตามมาเลยครับ

สระในภาษาฝรั่งเศสแบ่งออกเป็นสามประเภทนะครับ


ประเภทที่1 คือ a,i,e,o,u,y
ซึ่งออกเสียงสระเหมือนกับเสียงพยัญชนะเลย



เช่น a ก็คือเสียงสระ [อา]

i เสียงสระก็คือ [อี]

e ก็คือสระ เออ

o คือสระ [เออ]


u คือสระ [อู] (เวลาออกเสียงต้องห่อปากด้วย)

แล้วก็ y คือเสียงสระ อี เช่นเดียวกับ i


ประเภทที่สอง คือสระแบบประสม



ง่ายๆก็คือการเอาสระตั้งแต่สองตัวมาประสม
ทำให้เกิดเสียงใหม่ๆและได้สระที่หลากหลายขึ้น

อันแรก an, em, en
ทั้งสามตัวอ่านว่า [ออง]

เช่น dans [ด็อง], comment [คอมม็อง], enfant [อ็องฟ็อง]

ต่อมา on และ om
อ่านว่า [อง]
เช่น Bonjour [บงชูร์], nom [นง]

un และ um
อ่านว่า [เอิง]
เช่น brun [เบริง]

ou
อ่านว่า [อู] เหมือนอูในภาษาไทยเลย
เช่น nous [นู], vous [วู]

ai
อ่านว่า [เอ]
เช่น mais [เม]

ain, aim, in, im
อ่านว่า [แอ็ง]
เช่น matin [มาแต็ง], main [แม็ง]

oi
อ่านว่า [อัว]
เช่น moi [มัว], toi [ตัว], voiture [วัวตูร์]

eu
อ่านว่า [เออ]
เช่น bleu [เบลอ]

au, eau
อ่านว่า [โอ]
เช่น eau [โอ]

ui
อ่านว่า [อุย]
เช่น cuisine [กุยซีน]

และ oeur
อ่านว่า [เออร์]
เช่น soeur [เซอร์]


ประเภทที่สาม สุดท้าย
แบ่งย่อยเป็นสองประเภทคือ H muet และ H aspire


H muet
คือคำที่ขึ้น H muet แล้วตามด้วย articles definis (le, la, les)
คำนั้นจะต้องลดรูปเป็น l' แล้วอ่านเชื่อมเสียง
เช่น le+hopital เป็น l'hopital
อ่านว่า [โลปิตาล]

H aspire
มีหลักการที่ตรงข้ามกับ H muet คือ
ไม่ต้องลดรูป และไม่ต้องเชื่อมเสียง
la haie อ่านว่า [ลา แอ]

^___________________^"

วันอาทิตย์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2553

L'alphabet Français

มารู้จักพยัญชนะทั้ง26 กันดีกว่า...
ภาษาฝรั่งเศสมีตัวพยัญชนะ 26 เหมือนกับภาษาอังกฤษเลย แต่ออกเสียงต่างกันอย่างสิ้นเชิง...
เริ่มที่ตัวแรกครับ
A
เริ่มจากเอ ...ในภาษาฝรั่งเศสออกเสียงว่า [อา] อาเฉย ๆ ไม่ต้องม้วนลิ้นหนีไปไหนแบบ R นะจ๊ะ
B
ต่อมาตัวบี ออกเสียงว่า [เบ] ไม่ยากเลยใช่มั๊ย?

C
อ่านว่า [เซ] (เริ่มได้สำเนียงแบบปารีสกันรึยัง?)
D
ตัวนี้อ่านว่า [เด]
E
[เออ]
F
[แอฟ]
เพื่อนในห้องคนนึงชื่อเอฟ ตอนนี้เพื่อนเปลี่ยนชื่อให้เปนแอฟไปแล้ว
G
[เฌ)
H
[อาช]
I
[อี]

J
[ฌี]
K
[กา]
ให้นึกถึงคำว่า kaki (กากี) เข้าไว้

L
[แอล เลอะ]
ไม่ใช่ แอว นะครับ

M
[แอ็ม]

N
[แอ็น]

O
[โอ]

P
[เป]

Q
[กู]

R
[แอ เคอะ]
เป็นการออกเสียง แอ พร้อมกับเสียงสั่นในลำคอเบาๆ

S
[แอส]

T
[เต]

U
[อู]
ออกเสียงพร้อมๆกับการหอปากเล็กน้อย

V
[เว]
ออกเสียงโดยใช้ฟันบนหน้าวางบนริมฝีปากล่าง
แล้วเปล่งเสียงออกมา

W
[ดูบเบลอะ เว]
Double ก็คือสองครั้ง ก็คือตัว V สองตัวต่อกันนั่นเอง

X
[อิกซ์]

Y
[อีแกร็ก]

Z
[แซด]
สั่นเสียงในลำคอด้วยนะ
ตัวนี้ออกเสียงง่ายหน่อยเพราะอ่านว่า แซด
เหมือนที่เราชอบอ่านกัน ไม่ใช่ ซี เหมือนภาษาอังกฤษนะ
บล็อกหน้ามาต่อเรื่องสระครับ

เธอผู้เปลี่ยนโลก... ตอน Coco Chanel

ไม่ว่าใครจะชอบเสื้อผ้ายี่ห้อไหน หรือของใครเปรี้ยว ของใครสวย ของใครใหม่กว่ากันแต่บรรดาดีไซเนอร์ที่ล้วนเอ่ยชื่อมาทั้งหมด หรือ มิได้เอ่ยชื่อ ก็ล้วนแล้วแต่ เดินตามทางของหญิงคนหนึ่ง เมื่อ 80 กว่าปีก่อน นาม Mademoiselle Chanel นั่นหมายความว่า ไม่มีใครทำอะไรใหม่กว่า ทำอะไรได้เปรี้ยวกว่า สิ่งที่ผู้หญิงคนนี้เคยทำไว้แก่ประวัติศาสตร์วงการแฟชั่น...



Coco Chanel หรือ Gabrielle Bonheur Chanel คือ เด็กสาวผู้ซึ่งเกิดห่างไกลจากคำว่า ศิวิไลซ์ จากคำว่า แฟชั่น หรือ สิ่งหรูหรา ไม่เหมือนดังเช่นสิ่งที่เธอได้ทำไว้ เธอเกิดในเมืองเล็ก ๆ ที่ชื่อว่า Saumur, Maine-et-Loireประเทศ ฝรั่งเศส ด้วยฐานะทางบ้านที่ยากจน แม่เธอเสียชีวิตเมื่อเธออายุได้ 6 ขวบทิ้งเธอและพี่น้องอีก 4 คน ไว้กับพ่อ ซึ่งไม่นานพ่อของเธอก็หายตัวไป เธอถูกส่งไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในแคว้น Auvergne นั่นคือ สิ่งที่ผู้คนส่วนมากรับรู้เกี่ยวกับชีวิตในวัยเด็กของเธอ

เรื่องราวชีวิตของ Coco Chanel จึงเหมือนกับต้นตำรับ “ อีสาวบ้านนอก ”ผู้ใฝ่ฝันและทะเยอทะยาน เหมือนกับอีกหลายเรื่องราวหลากหลายผู้คนที่พวกเราเคยได้ยิน เธอเปลี่ยนชื่อเป็น Coco Chanel เมื่อเริ่มต้นอาชีพการเป็นนักร้องในช่วงสั้น ๆ ก่อนจะไปมีความสัมพันธ์ในฐานะ “ เมียน้อย ” กับ นายทหารผู้ร่ำรวย Etienne Balsan ผู้ซึ่งเป็น รักแรก เป็นผู้อุ้มชูชีวิตเธอ เป็นนายทุนให้เธอย้ายมาอยู่ที่ ปารีส และ เปิดร้านขายหมวกแห่งแรก ด้วยการสนับสนุนของชายผู้นี้

(ภาพจากภาพยนต์ COCO avnt CHANEL)

แต่ชีวิตไม่ได้จบลงเพียงแค่นั้น เมื่อเธอพบกับ Arthur Capel หรือ Arthur Boyชายหนุ่มผู้ร่ำรวยชาวอังกฤษ ผู้ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็น คู่ชีวิต ด้วยการสนับสนุนของ Arthur ทำให้กิจการของเธอเติบโต และเป็นที่รู้จัก จาก หมวก เป็น เสื้อผ้า จาก ปารีส สู่ Deauville และ Biarritz



โคโค่ ชาเนล ผู้ปฏิวัติโลกแห่งแฟชั่นของหญิงสาว เธอมักปรากฏตัวในภาพถ่ายโดยมือหนึ่งคีบบุหรี่ หรือไม่ก็ยืนอยู่หน้ากระจกเงาอันเลื่องชื่อ เธอปลดปล่อยผู้หญิงออกจาก กรงขัง แห่งร่างกาย.... คอร์เซต อันรัดรึงจนแทบจะหายใจไม่ออก กับ กระโปรงอันฟูฟ่องดั่งสุ่มไก่...


เธอประกาศกร้าวความเป็นอิสระแห่งเพศหญิง ท้าทาย โดยไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด ๆ เธอกราดเกรี้ยวกับแฟชั่นที่กักขังผู้หญิงอยู่ในชุดอันรัดรึง พร้อมทั้งตั้งคำถามว่า นี่หรือคือผลรางวัลสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ผู้หญิงที่รอดมาจากพิษภัยสงครามอย่างนั้นหรือ...

“ ฉันสร้างแฟชั่นสำหรับผู้หญิงที่มีชีวิต ที่ยังหายใจอยู่ และรู้สึกสบายเมื่อสวมใส่สำหรับผู้หญิงที่ต้องไปทำงาน โยน คอร์เซต อันแข็งราวกับกระดูกทิ้งไป ไม่มีผู้หญิงคนไหนหรอกที่จะสามารถทำงานได้ ในขณะที่ถูกกักขังอยู่ในคอร์เซตอันรัดติ้วขนาดนั้น ”



เธอช็อกผู้คนด้วยการตัดผมบ็อบสั้น อาบแดดจนผิวเป็นสีแทน สวมหมวกเบเรต์ อย่างเก๋ไก๋นี่คือการขบถต่อสิ่งที่ผู้หญิงฝรั่งเศสเป็นอยู่ ผมยาวเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของผู้หญิง แต่เธอกลับหั่นมันออกอย่างไม่ใยดี โคโค่ ชาเนล ปฏิเสธการแต่งตัวตามขนบนิยมแห่งความเป็นหญิง เธอแนะนำให้ผู้หญิงได้รู้จักกับเสื้อผ้าที่ใส่สบาย ดูเท่ เก๋ และมีสไตล์เธอสร้างสไตล์ที่เป็นของตัวเอง สไตล์ที่ขบถต่อความเป็นผู้หญิง โคโค่ ชาเนล หยิบยืมไอเดียในการสร้างสรรค์ผลงานแฟชั่นของเธอมาจากเสื้อผ้าผู้ชาย ดัดแปลงให้เป็นเสื้อผ้าสำหรับผู้หญิงยุคใหม่ ...เธอทำให้ผู้หญิงรู้จักกับ Little Black Dress และเสื้อ คาร์ดิแกน ที่สวมใส่สบาย และดูไม่เหมือนใคร จนเป็นเสมือนตัวแทนแฟชั่นของชาเนลไปแล้ว สูททรงตรง ผ้าเจอร์ซี กลายเป็น คอลเล็กชั่นคลาสสิกของเธอ เดรสยาวเพียงเข่าซึ่งเสมือนการเปิดให้เห็นข้อเท้าของผู้หญิงครั้งแรกไม่เพียงแค่นั้น เธอยังแนะนำกางเกงสำหรับผู้หญิง กางเกงซึ่งเป็นอาภรณ์ต้องห้ามสำหรับ ผู้หญิง ในยุคนั้น...ไม่มีใครคิดว่า ผู้หญิงจะใส่กางเกงได้ แต่ โคโค่ คิดและทำ...ไม่มีใครคิดว่า ผู้หญิงจะสวมใส่เดรสที่ทำจากผ้าสำหรับตัดกางเกงในผู้ชาย แต่ โคโค่ คิดและทำ...ไม่มีใครคิดว่า ผู้หญิงจะใส่เสื้อเชิ้ตผูกเนกไท แต่โคโค่ คิดและทำ ...




เธอคือ เจ้าของตำนานน้ำหอมอันเลื่องชื่อ ที่เป็นอมตะไม่มีวันตายอย่าง Chanel No. 5สิ่งที่ โคโค่ ชาเนล สร้างไว้แก่วงการแฟชั่น ไม่ใช่เพียงสไตล์เสื้อผ้าที่หรูหรา มีสไตล์ไม่เหมือนใคร แต่สิ่งที่เธอทำนั้น คือการพลิกความหมายของคำว่า แฟชั่นพลิกโลกสำหรับผู้หญิง สร้างกฏของเธอเอง กฏอันแสนเรียบง่ายแต่ทรงพลัง แฟชั่นที่เดินไปถึงตัวผู้หญิงทุกคน ทุกหัวระแหง ทุกมุมของถนน เหมือนกับประโยคที่เธอกล่าวไว้ข้างต้น ...แฟชั่นที่ไม่สามารถปรากฏตัวพร้อมกับผู้คนตามท้องถนน นั่นไม่ใช่ แฟชั่น อยากให้ดีไซเนอร์ไทย ดีไซเนอร์เทศ ได้อ่านจัง..จะได้รู้ว่าไอ้เสื้อผ้าที่ออกแบบมาให้ผู้คนเดินถนนใส่ไม่ได้น่ะ ไม่ใช่แฟชั่นนะเธอ !!!

วันศุกร์ที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2553

เรียนฝรั่งเศสจากเพลงเพราะๆ

กลับมาอีกครั้งกับการเรียนฝรั่งเศสรูปแบบใหม่ๆกับทิมเบอร์ครับ
วันนี้เปิดไปเจอเพลงเพลงนึงในyoutube
เลยทำการค้นหาคำแปลของเพลงน่ารักๆเพลงนี้
พร้อมกับคำแปลให้เพื่อนๆได้เรียนรู้ภาษาฝรั่งเศสกันนะครับ!

เพลงที่จะนำมาฝากกันเป็นของศิลปินลูกครึ่งโปรตุเกต-ฝรั่งเศส

ชื่อ Marie Myriam
ซึ่งเพลงนี้ชนะจากการเข้าชิงรางวัลต่างๆมากมายในปี 1997 (โหะๆ ยังไม่เกิดเลย)

เพลง :L'oiseau et l'enfant
เจ้านกและเด็กน้อย

Comme un enfant aux yeux de lumière

ราวกับเด็กน้อยที่ดวงตาทั้งสองส่องประกาย

Qui voit passer au loin les oiseaux

เมื่อมองเห็นฝูงนกบินผ่านไปไกล

Comme l'oiseau bleu survolant la terre

ราวกับเจ้านกสีฟ้าที่โบยบินอยู่เหนือผืนดิน

Vois comme le monde, le monde est beau

เธอนั้นมองโลกใบนี้เป็นโลกที่สวยงาม

Beau le bateau, dansant sur les vagues

เรืออันสวยงามซึ่งเต้นไปตามจังหวะคลื่น

Iivre de vie, d'amour et de vent

มีชีวิตที่ระเริงด้วยความรักและสายลม

Belle la chanson naissante des vagues

เสียงเพลงอันไพเราะนั้นเกิดจากเกลียวคลื่น

Abandonnée au sable blanc

ที่จางหายไปในหาดทรายขาว

Blanc l'innocent, le sang du poète

สีขาวบริสุทธิ์นั้นเปรียบดั่งสายเลือดของกวี

Qui en chantant, invente l'amour

กวีที่สร้างความรักขึ้นในขณะที่ขานขับบทเพลง

Pour que la vie s'habille de fête

เพื่อให้ชีวิตนั้นมีความรื่นรมย์

Et que la nuit se change en jour

และเพื่อให้ค่ำคืนอันหมองหม่นนั้นกลายเป็นกลางวันอันสดใส

Jour d'une vie où l'aube se lève

อรุณรุ่งเป็นสัญญาณของชีวิตในวันใหม่

Pour réveiller la ville aux yeux lourds

ที่ปลุกให้เมืองซึ่งกำลังหลับใหลนั้นตื่นขึ้น

Où les matins effeuillent les rêves

วันใหม่ที่แสงตะวันปลุกให้เราออกจากภวังค์แห่งฝัน

Pour nous donner un monde d'amour

เพื่อมอบโลกแห่งความรักแก่เรา

L'amour c'est toi,

ความรักคือเธอ

l'amour c'est moi

ความรักคือฉัน

L'oiseau c'est toi,

นกตัวนั้นก็คือเธอ

l'enfant c'est moi

เด็กคนนั้นก็คือฉันนั่นเอง


Moi qui ne suis qu'une fille de l'ombre

ฉัน เป็นเพียงแค่เด็กหญิงที่ซ่อนตัวอยู่ในเงา

Qui voit briller l'étoile du soir

เด็กหญิงคนที่นั่งมองดวงดาวเปล่งประกายในยามค่ำคืน

Toi mon étoile qui tisse ma ronde

เธอนั้นเป็นดวงดาวที่ส่องประกายเติมเต็มชีวิตฉัน

Viens allumer mon soleil noir

เธอเข้ามาจุดไฟ(แห่งรัก)ให้ดวงอาทิตย์อับแสงของฉันได้ฉายรัศมีอีกครั้งหนึ่ง

Noire la misère, les hommes et la guerre

ความมืดมัวแห่งความทุกข์ทรมาน แห่งมวลมนุษยชาติ และแห่งสงครามนั้นเกิดขึ้นได้

Qui croient tenir les rênes du temps

เพราะคนเชื่อว่าสามารถบังคับให้เวลาหยุดเดินได้(ชี้นกเป็นนกชี้ไม้เป็นไม้)

Pays d'amour n'a pas de frontière

แต่ความรักนั้นไร้พรมแดน(ไม่สามารถบังคับได้)

Pour ceux qui ont un cœur d'enfant

ในหมู่มนุษย์ที่มีหัวใจยังเป็นเด็ก(ใจบริสุทธิ์ อ่อนโยน)

Comme un enfant aux yeux de lumière

ราวกับเด็กน้อยที่ดวงตาทั้งสองส่องประกาย

Qui voit passer au loin les oiseaux

เมื่อมองเห็นฝูงนกบินผ่านไปไกล

Comme l'oiseau bleu survolant la terre

ราวกับเจ้านกสีฟ้าที่โบยบินอยู่เหนือผืนดิน

Nous trouverons ce monde d'amour

เราทั้งสองจะ ได้พบโลกแห่งความรัก

L'amour c'est toi,

ความรักคือเธอ

l'enfant c'est moi

เด็กคนนั้นก็คือฉัน

L'oiseau c'est toi,

นกตัวนั้นก็คือเธอ

l'enfant c'est moi

และเด็กคนนั้นก็คือฉันนั่นเอง

นี่เป็นเวอร์ชั่นที่นำมารีมิกซ์ใหม่พร้อมกับวิดิโอแอนนิเมชั่นน่ารักๆครับ




ส่วนนี่เป็นไลฟ์เวอร์ชั่นครับ




ขอให้ทุกคนสนุกกับการเรียนภาษาฝรั่งเศสนะครับ

จะรู้ได้อย่างไร ว่าLVที่สะพายกันอยู่เป็นของแท้?

สำหรับผู้ที่ชอบซื้อ Louis Vuitton ทางออนไลน์ มักจะประสบปัญหาไม่แน่ใจว่า หลุยส์ วิตตอง
ที่เรากำลังเล็งๆอยู่นั้นเป็นของแท้หรือเปล่า จะโดนหลอกมั๊ย?
จริงๆแล้วคนที่ซื้อหลุยส์ ไม่ว่าจะเป็นหมวด Luxury hand bag, Shoes, Wallet, หรือ หมวดอื่นๆ
กว่าร้อยละ 99 จะเก็บใบเสร็จเอาไว้ ซึ่งใบเสร็จLVจะมีการใส่ซองจดหมายมาให้อย่างดี
เพราะเวลาจะเอาไปขายต่อจะง่าย เหมือนมีหลักฐานเป็นอย่างดี
แต่อย่างไรก็ตามพอนานวันเข้าคนเรามักจะลืมว่าใบเสร็จนั้นอยู่ไหน บางคนทำหายไปเลย
พอจะเอากระเป๋าหรือของต่างๆออกมาขาย จะทำอย่างไร
และในฐานะผู้ซื้อที่อยากได้ Louis Vuitton แท้ๆมาครอบครอง ควรต้องดูอะไรบ้าง
ดูได้ดังนี้ครับ





LV ไม่เคยเอาพลาสติกหรือทิชชู/กระดาษ คลุมสายกระเป๋า ดังรูป





ไม่เคยมีการ์ดสีเหลือง หรือสีน้ำตาล ดังรูป

ถ้าเป็นของแท้ จะได้ 2 Tax ดังรูป



Tax แรก เขียนว่า “Louis Vuitton what is the bag ismade of whether it s monogram canvas,vernis ,epi etc .

ส่วน tax ในที่สอง เป็น model number ซึ่งจะตรงกับที่อยู่ที่กระเป๋า และที่บาร์โค็ต และมีcare booklet
(คู่มือดูแลรักษา) หรือถ้าซื้อจาก shopแล้วให้ส่งเป็นพัสดุมา ก็จะมีthank you card ให้ด้วย

กระเป๋า LV จะมี date code เพื่อบอกว่า กระเป๋านี้ผลิตจากที่ไหนและอายุเท่าไร โดยตัวเลขอาจซ้ำได้ในกระเป๋ารุ่นอื่นที่ผลิตในเวลาและสถานที่เดียวกัน โดยรุ่นที่ผลิตหลังปี ค.ศ. 1990 รหัสจะประกอบด้วยตัวอักษร 2 ตัว และตัวเลข 4 ตัว ซึ่งส่วนมาก date code จะพบได้ในไม่กี่แห่ง และในรุ่นเดียวกันก็จะอยู่ที่เดียวกันทุกใบ เช่น ที่ D-ring (ห่วงตรงหูหิ้ว)
และด้านล่างตัวเลข จะไม่มีคำหรือตัวหนังสือหรืออักษรอื่นใดตามมาอีกเลย



ดูที่ฝีเข็ม การเย็บและช่องว่างต้องสม่ำเสมอ เพราะ LV จะระวังเรื่องนี้มาก เช่น ที่หูหิ้วสองข้างของกระเป๋าหลุยส์ฯ รุ่น Speedy มักจะมี 5 ฝีเข็ม เป็นต้น ถ้ากระเป๋ารุ่นและแบบเดียวกันจำนวนฝีเข็มจะเท่ากัน (แต่ต้องดูปีผลิตด้วย และถ้าผลิตโดยบริษัท French Company รายละเอียดก็จะต่างไป)


คำว่าLOUIS VUITTONจะมีฟอนต์เฉพาะพิเศษโดยเฉพาะ
โดยจะเหมือนกันทุกใบทั้งโลก ความต่างที่ของปลอมทำ อันนี้เลียนได้เหมือนมาก
แต่ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นว่า ตัว O อ้วนกว่าเล็กน้อย



ถุงกันฝุ่น (dust bag) ของกระเป๋า LV ก่อนปี 2547 จะทำจากผ้าฝ้าย 100 % เนื้อนุ่ม และมีป้ายหรือสัญลักษณ์หรือชื่อแบรนด์เล็กๆ เท่านั้น แต่หลังปี 2547 ถุงจะทำจากลินินหนาโทนสีเหลือง และเขียนว่า Louis Vuitton …ที่สำคัญ กระเป๋า LV ของจริงจะไม่มีการใส่กระดาษหรือทิชชูดันทรงกระเป๋า แน่นอน
ของจริง(ขวา)จะเป็นสีน้ำตาล ไม่ใช่สีน้ำตาลออกแดง(ซ้าย)



ยังมีนานาTipsในการสังเกตดูของแท้นะครับ แต่นี่ก็เป็นวิธีหลักๆ
ถ้าหากว่าสังเกตตามวิธีที่บอกไป แค่นี้ก็มั่นใจแน่นอนว่าเป็นของแท้นะครับ